รองแม่ทัพภาค 2 โพสต์ปัญหา ช่องอานม้า ย้ำบทเรียนความมั่นคงที่ไม่ควรมองข้าม

รองแม่ทัพภาค 2 โพสต์ปัญหา ช่องอานม้า ย้ำบทเรียนความมั่นคงที่ไม่ควรมองข้าม

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2568 พลตรีณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Mammoth S Nutt เปิดเผยเบื้องหลังสถานการณ์บริเวณ ช่องอานม้า ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี โดยระบุว่า จุดนี้เคยเป็นเส้นทางลำเลียงไม้จากฝั่งกัมพูชาในอดีต ก่อนจะกลายเป็นพื้นที่พักพิงของผู้อพยพ และต่อมาขยายกลายเป็นชุมชนถาวร

พลตรีณัฏฐ์ เล่าว่า พื้นที่ช่องอานม้ามีลักษณะภูมิประเทศเป็นช่องเขาคล้ายอานม้า เคยใช้เป็นทางชักลากไม้นำเข้าจาก อำเภอจอมกระสาน จังหวัดพระวิหาร ฝั่งกัมพูชา เข้ามายังฝั่งไทย ในช่วงสงครามกลางเมืองกัมพูชา รัฐบาลไทยได้จัดตั้งศูนย์พักพิงผู้ลี้ภัยตามหลักมนุษยธรรม โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานของสหประชาชาติ

หลังสงครามยุติ ไทยส่งผู้อพยพกลับประเทศ แต่มีบางส่วนปักหลักไม่ยอมกลับ โดยอ้างหลักมนุษยธรรมและจากการดำเนินการที่ไม่เด็ดขาด ทำให้ชุมชนขยายตัวต่อเนื่อง จนกลายเป็นปัญหาด้านความมั่นคงในระยะยาว

พลตรีณัฏฐ์ ระบุว่า ในปี 2542 ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาเห็นชอบให้เปิดช่องอานม้าเป็นจุดผ่อนปรนเพื่อการค้า โดยกำหนดตลาดกัมพูชาให้อยู่ในพื้นที่ชุมชนเดิม ขณะที่ตลาดฝั่งไทยตั้งลึกเข้ามาประมาณ 300 เมตร แต่หลังจากนั้น ชาวกัมพูชาขยายพื้นที่จากราว 30 หลังคาเรือนเป็นกว่า 100 หลังในปัจจุบัน

ปี 2554 ระหว่างเกิดความตึงเครียดเรื่องพื้นที่เขาพระวิหาร ฝ่ายกัมพูชาได้อาศัยจังหวะติดตรึงกำลังทหารของไทย แอบสร้าง อนุสาวรีย์ตาอม และพัฒนาชุมชนต่อเนื่องจนเป็นรูปแบบถาวร แม้ฝ่ายทหารไทยจะดำเนินการเจรจาและยื่นประท้วงผ่านช่องทางการทูตและกลไกทางทหารรวม 65 ครั้ง แต่ฝ่ายกัมพูชาเพิกเฉย

ในปี 2555 มีการเสนอให้ยกระดับช่องอานม้าเป็นจุดผ่านแดนถาวร โดยมีนักลงทุนเตรียมสร้างคาสิโนในพื้นที่ แต่หน่วยงานความมั่นคงของไทยไม่เห็นด้วย และเสนอให้ย้ายชุมชนออกจากพื้นที่ชายแดน ฝ่ายกัมพูชาไม่ยินยอม ทำให้การยกระดับต้องหยุดชะงัก

แม้ฝ่ายความมั่นคงไทยเสนอให้ปิดจุดผ่อนปรนเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต แต่จังหวัดอุบลราชธานีไม่เห็นด้วย โดยมองว่าจะส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนและการท่องเที่ยว

ท้ายโพสต์ พลตรีณัฏฐ์ ระบุว่า ความเพิกเฉยต่อประเด็นด้านความมั่นคง โดยอ้างเหตุผลทางมนุษยธรรมหรือการค้า อาจกลายเป็นต้นตอของปัญหาในอนาคต พร้อมหวังว่าเรื่องราวของ ช่องอานม้า จะกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ทุกฝ่ายในประเทศไทยต้องตระหนัก

หวังว่าคำกล่าวอ้าง เพื่อมนุษยธรรม และ กระทบการค้าและการท่องเที่ยวชายแดน ซึ่งทำให้เราเพิกเฉยต่อประเด็นความมั่นคง แล้วส่งผลให้เกิดปัญหาใหญ่ในระยะยาว จะเป็นบทเรียนให้ทุกภาคส่วนของไทยเราได้ตระหนักและแก้ไขท่าทีทั้งในปัจจุบันและอนาคตครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *