นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม เข้าพบนาย อดิศร ไชยคุปต์ รองอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อหารือคดีที่เกี่ยวกับ คนดังในวงการ กรณีที่ดีเจแมนและใบเตย ออกมาเปิดเผยเรื่อง “คนดังในวงการ” พยายามกรรโชกทรัพย์ เรียกเงิน 14 ล้านบาท เพื่อช่วยคดีของทั้งคู่ เรื่องนี้ดีเจแมนเคยให้ข้อมูลกับเขาไว้นานแล้ว แต่ที่ไม่ได้ดำเนินการอะไร เพราะให้เกียรติทั้งคู่ รอให้ดีเจแมนและใบเตยพร้อมที่จะออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ด้วยตนเอง
อี้ แทนคุน ยังบอกด้วยว่า ดีเจแมนและใบเตยมีหลักฐานชัดเจนมาก ทั้งรายละเอียดเส้นทางการเงิน และเขาได้เห็นหลักฐานดังกล่าวแล้ว ตอนนี้รอให้ทั้งคู่พร้อมดำเนินการ ส่วนหลักฐานจะเป็นอะไรยังไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ ต้องรอทั้งคู่ออกมาเปิดเผยด้วยตนเอง และเรื่องนี้เชื่อว่ายังมีหลายคนใน แวดวงวงการบันเทิงก็โดนพฤติกรรมเช่นนี้เหมือนกัน จึงอยากจะฝากไปทางสื่อมวลชนว่าหากใครที่โดนในลักษณะนี้ให้ติดต่อเข้ามาที่เขา
ส่วนที่ “คนดัง” กล่าวอ้างถึงนักการเมืองชั้นผู้ใหญ่ อี้ แทนคุณ ยืนยันว่า บุคคลที่ถูกแอบอ้างนั้นเป็นนักการเมืองที่อยู่ในตำแหน่งสูง แต่เชื่อว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นแน่นอน แต่ “คนดัง” เอาภาพที่เคยไปนั่งคุยมาโชว์เพื่อแอบอ้าง
พร้อมเรียกร้องให้ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกดีเจแมนและใบเตยเข้ามาให้ข้อมูลด้วย เพราะยังมีคดีเก่าของ “คนดัง” ที่เกี่ยวกับการ พยายามกรรโชกทรัพย์
ส่วนตัวเชื่อว่า อาจจะมีการทำงานเป็นขบวนการ เพราะ “คนดัง” กล่าวอ้างถึงหลายบุคคลทั้งพี่ชายและบุคคลอื่น หากมีพยานมายืนยันพฤติกรรมของ “คนดัง” สามารถสาวไปถึงขบวนการเบื้องหลังได้
ขณะที่เมื่อวานนี้ (13ก.พ.68) พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ บอกว่า เตรียมเรียกตัวดีเจแมนและใบเตยมาให้ปากคำ เพื่อทำให้สำนวนคดีก่อนหน้านี้ที่อยู่ในมือมีความชัดเจนและแน่นหนามากขึ้น ซึ่งดูจากพฤติการณ์พบว่า เป็นแผนประทุษกรรมแบบเดิมๆ ในลักษณะพยายามฉ้อโกง เนื่องจากความผิดยังไม่สำเร็จ ดังนั้นหากพบผู้เสียหายเพิ่มก็จะทำให้พนักงานสอบสวนนำพฤติกรรมดังกล่าวชี้ให้ศาลเห็นว่า ตัวผู้ถูกกล่าวหามีพฤติกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่องจนเป็นปกติธุระ
และที่ อี้ แทนคุณ เดินทางมาที่อัยการวันนี้ เพื่อนำเอกสารหลักฐานมาหารือกับรองอัยการ กรณีที่หญิงสาวผู้เสียหายในจังหวัดตรังโดนพี่ชายของ “คนดัง” พร้อมพวกรวม 6 คน ซึ่งรวมถึงตัวของ “คนดัง” ฉ้อโกงเงินไป 62 ล้านบาท โดยการหลอกลงทุนในสกุลเงินสกุลหนึ่ง และอ้างว่าจะได้ผลตอบแทนสูง แต่ปรากฎว่าพอลงทุนไปแล้วไม่ได้ผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง จึงไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองตรัง ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 แต่สุดท้ายคดีนี้สั่งไม่ฟ้อง เพราะขาดอายุความ จึงมาที่สำนักงานอัยการสูงสุดให้เป็นผู้ชี้ขาดว่าสามารถสอบเพิ่มได้หรือไม่ เพื่อที่ให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรมรวมถึงสามารถที่จะขยายผลไปถึงบุคคลอีกได้หรือไม่