ด่วนที่สุด! “ทักษิณ” รอดคุก ศาลฎีกาฯ ตีตกคำร้องสอบ ปมป่วยทิพย์รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ ชี้ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
กรุงเทพฯ 30 เมษายน 2568 – เมื่อวานนี้ ศาลฎีกาในคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกคำร้องขอให้ไต่สวนข้อกล่าวหา “ป่วยทิพย์” ของอดีตนายกรัฐมนตรี พลเอก ทักษิณ ชินวัตร ที่อ้างใช้สิทธิรักษาพยาบาล ณ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเลี่ยงการต้องเข้าฟังคำพิพากษาในคดีทุจริต
เบื้องหลังคดี
ข้อกล่าวหา
เมื่อปี 2566 มีผู้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ ว่า พลเอกทักษิณอาศัยข้ออ้างป่วยฉุกเฉินในการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 ทำให้ศาลไม่สามารถบังคับให้มาไต่สวนพยานหลักฐานในคดีโกงเงินโครงการรัฐได้
การพิจารณา
หลังสืบพยานและพิจารณาหลักฐานครบถ้วน ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ว่า ผู้ยื่นคำร้องไม่ถือเป็น “ผู้เสียหายโดยตรง” ในความผิดอาญาที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของอดีตนายกฯ จึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาฯ
ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาว่า
“การอ้างว่าจำเลยป่วยหนักจนอุปทานจิต ไม่มีผลต่อการบังคับคดี พนักงานอัยการสูงสุดและพวกผู้เสียหายโดยตรงเท่านั้นที่มีสิทธิตามกฎหมายอาญาในการร้องขอไต่สวน … คำร้องนี้จึงต้องยก”
คำตัดสินดังกล่าวเท่ากับยุติความพยายามที่จะใช้มาตรการทางอาญาในการบังคับคดีต่อ พลเอกทักษิณ ชินวัตร ในประเด็นนี้ ทำให้เขา “รอดคุก” ชั่วคราวไปได้อีกระลอกหนึ่ง
จากฝ่ายต่าง ๆ
ฝ่ายกฎหมายรัฐบาลก่อนหน้า
ที่ปรึกษากฎหมายระบุว่า คำพิพากษาครั้งนี้น่าจะช่วยลดปัญหาคดีซ้ำซ้อน และเป็นบรรทัดฐานสำคัญในการกำหนดว่าใครมีสิทธิยื่นคำร้องอาญา
ฝ่ายประชาชน/ผู้สังเกตการณ์
ฝ่ายคัดค้านมองว่า ศาลควรเปิดโอกาสให้ตรวจสอบขั้นตอนรักษาพยาบาลว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จหรือไม่ เพื่อเป็นหลักประกันความโปร่งใส
โอกาสต่อไปของคดี
แม้คดีนี้จะถูกยกคำร้อง แต่คดีทุจริตในโครงการรัฐอื่น ๆ ที่ พลเอกทักษิณยังถูกกล่าวหายังคงอยู่ระหว่างการพิจารณา ศาลชั้นต้นอาจถูกบังคับให้นัดฟังคำพิพากษาอีกครั้งหากมีผู้เสียหายโดยตรงหรืออัยการสูงสุดยื่นฟ้องเพิ่มเติม
สรุป
คำพิพากษาศาลฎีกาฯ ครั้งนี้เป็นการตัดสินว่าข้อร้องเรียนเรื่อง “ป่วยทิพย์” ไม่อาจนำมาบังคับคดีอาญาต่อ พลเอก ทักษิณ ชินวัตร ได้ ผลคืออดีตนายกฯ ยังคง “รอดคุก” ในคดีนี้ไปก่อน ขณะที่คดีอื่น ๆ ยังรอการพิจารณาต่อไป