วันที่ 6 พ.ค.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 3 ผ่านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้กับผู้ที่มีอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคนว่า ยังไม่ได้เสนอเข้าที่ประชุม ครม.
ขณะนี้ยังรอความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆ ประกอบกับวันนี้เกิดสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ฉะนั้น หลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีความคิดเห็นเข้ามา ต้องรับฟัง เพราะความตั้งใจของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฉะนั้น เมื่อมีปัจจัยแทรกเข้ามา ต้องดูว่าจะมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ จึงต้องรับฟังความคิดเห็นจากผู้รู้ในทุกหน่วยงาน
เมื่อถามว่าจะมีการชะลอแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 และ4 ออกไปหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ถึงกับร้อง “โอ้ว” พร้อมกล่าวว่า ตอนนี้เรายังไม่มีมติว่าจะยกเลิกใดๆ ซึ่งอยู่ในช่วงของการรับฟังความคิดเห็นให้ครบถ้วนก่อน ว่าความจำเป็นมีมากน้อยแค่ไหนในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเงินก้อนนี้สามารถจะทำอะไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อคนทั้งประเทศ อันนี้เป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุด เราต้องมองไปที่เป้าหมายว่าทำเพื่ออะไร ทำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นต้องดูว่าสุดท้ายแล้ว ความเห็นทั้งหมดออกว่าอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่ฝ่ายผู้บริหารอย่างเดียวที่จะตัดสินใจ ต้องดูเรื่องอื่นๆ ประกอบด้วย
เมื่อถามย้ำว่าเฟส 3 เฟส 4 ยังคงเดินหน้าต่อไปใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เราทำอยู่คือรับฟังความคิดเห็น
เมื่อสอบถามว่ากำหนดการจ่ายเงินเฟสที่ 3 ต้องเลื่อนออกไปก่อน หรือเป็นไปตามกำหนดการเดิม นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เรายังฟังความคิดเห็นไม่ครบ เพราะมีปัจจัยแทรกเข้ามาในเรื่องของภาษีศุลกากร และภาษีสหรัฐอเมริกา จึงต้องรอก่อน หากความคิดเห็นครบ และเป็นอย่างไรต่อ ถึงจะกำหนดได้ว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อน แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิมอยู่ โดยต้องมีข้อมูลให้ครบก่อนถึงแจ้งได้ โดยจะพูดรับปากว่าอย่างนี้อย่างนั้นไม่ได้ เพราะอยู่ระหว่างการรอฟังความคิดเห็นอยู่
เมื่อถามว่าหากไม่ดำเนินการโครงการนี้ต่อจะกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่ เนื่องจากเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องปรับความเข้าใจ เพราะเป็นปัจจัยที่เข้ามา โดยไม่ได้คาดฝัน และเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่แค่ประเทศไทย จึงต้องฟังเหตุและผลด้วยว่าเป็นอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หรือไม่เปลี่ยนแปลง ต้องมีคำอธิบายจากรัฐบาลอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องภาษีศุลกากรจะมีผลเมื่อใด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรายังมีกรอบเวลา 90 วันซึ่งเราไม่หลุดกรอบนี้อย่างแน่นอน แต่ในการดีลลับต่างๆ เราทำอย่างต่อเนื่อง โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รอดูอยู่ และมีการอัปเดตข้อมูลกันอยู่เรื่อยๆ
เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ว่าการดีลลับจะทำให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มันก็มีส่วนที่เปิดเผยได้ และยังไม่เปิดเผย มันไม่มีที่จะเป็นความลับทั้งหมด เราต้องดูระยะเวลา ว่าควรจะปล่อยหัวข้อต่างๆในช่วงไหน เราต้องบอกและอธิบายสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ไม่ใช่ถึงเวลาจะบอกเลยหรือปิดทั้งหมด มันทำไม่ได้อยู่แล้ว
ส่วนทราบหรือไม่ว่ามีปัจจัยใดที่ทำให้สหรัฐฯ ยังไม่ให้เราเข้าไปเจรจา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ล่าสุด ได้คุยกับทีมงานของทางสหรัฐฯ และเราก็เอาสิ่งนั้นมาเพิ่มเติม ซึ่งได้คุยกันแล้วก็น่าจะครอบคลุมในสิ่งที่ประเทศไทยจะคุยกับสหรัฐฯ และมีกรอบให้ 90 วัน ถ้าเราดูสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ เช่นกัน และเราก็ได้มีการนำมาปรับแผน