เข้าคุกทันที ศาลฎีกา สั่งจำคุก เสก โลโซ 2 ปี 12 เดือน 20 วัน ขัดขวางจับกุม-เสพยา-ปืน เหตุการณ์ตำรวจบุกบ้านปี 60
วันนี้ (20 พ.ค.68) ที่ศาลอาญามีนบุรี ถนนสีหบุรานุกิจ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการ โจทก์ ยื่นฟ้อง นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือเสก โลโซ จำเลยคดีหมายเลขคดีดำ อ.1662/2561 แดง อ.8288/2561 ในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่, เสพยาเสพติด และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490
กรณีนายเสกสรรค์ ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2560 ที่บ้านพักหลังจากศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชออกหมายจับในข้อหายิงปืนขึ้นฟ้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร ซึ่งระหว่างการจับกุม เสก โลโซ ได้ขัดขืนและขู่จะใช้ปืนหากเจ้าหน้าที่บุกเข้ามา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องใช้หน่วยอรินทราชเข้าช่วยเหลือในการควบคุมตัว
โดยอัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนพกออโตเมติกซึ่งมีทะเบียนพร้อมกระสุนปืน และต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีหรือใช้อาวุธปืน และเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลอาญาให้ลงโทษ แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
จำเลยกลับมากระทำความผิดในคดีนี้อีกและจำเลยเป็นบุคคลเดียวกันกับจำเลยในคดีอาญาของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชขอให้ลงโทษบวกโทษและนับโทษต่อจำเลยให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้ใบอนุญาตส่วนความผิดอื่นในการปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับจำเลยที่โจทก์ขอให้บวกโทษและนับโทษต่อ
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2561 ระบุว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดทั้ง 3 ข้อหา ให้จำคุกตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ 1 ปี รับสารภาพลดโทษเหลือ 6 เดือน, ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่โดยขู่เข็ญว่าจะประทุษร้ายโดยมีอาวุธปืน ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน และฐานเสพยาเสพติด จำคุกอีก 6 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 18 เดือน และให้บวกโทษของศาลอาญาคดีทำร้ายร่างกายสาวคนสนิทภรรยาอีก 1 ปี 3 เดือน รวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 2 ปี 21 เดือน ไม่รอการลงโทษ แม้ว่าจำเลยอ้างป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ขณะกระทำผิด เนื่องจากเห็นว่าจากพฤติการณ์การสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ จำเลยรู้ผิดชอบดี จึงไม่อาจอ้างภาวะป่วยดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยนั้นไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และให้นับโทษจำเลยต่อจากคดี พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย
ต่อมาวันที่ 7 พ.ค. 2563 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ความผิดฐานมีอาวุธปืนซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 5 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นจำคุก 1 ปี 15 เดือน บวกโทษจำคุก 1 ปี 3 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดง ที่ อ.3705/2559 ของศาลอาญาเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ เป็นจำคุก 2 ปี 18 เดือน ไม่รอลงอาญา ซึ่งจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา โดยศาลตีราคาประกัน 600,000 บาท
วันนี้ศาลฎีกา มีคำพิพากษาแก้ ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี 12 เดือน 20 วัน
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัวนายเสกสรรค์ไปยังเรือนจำพิเศษมีนบุรี เพื่อรับโทษตามคำพิพากษาต่อไป