จากเว็บต่างประเทศ ได้รายงานว่า ดร.จางเจียหมิง ผู้อำนวยการแผนกพันธุกรรมและการพัฒนาทางพันธุศาสตร์ของโรงพยาบาลไทเปโรงพยาบาล กล่าวว่า น้ำตาลแมนโนส (Mannose) พบในผลไม้ธรรมชาติ ซึ่งไม่เหมือนน้ำตาลกลูโคสที่สามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่หวานเหมือนน้ำตาลฟรุกโทส นอกจากนี้ยังมีข้อดีพิเศษคือน้ำตาลแมนโนสจะถูกขับออกจากร่างกายผ่านทางไตและค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งช่วยทำให้มันเป็น “ผู้ช่วยที่ตรงจุด” ในระบบทางเดินปัสสาวะและสามารถป้องกันการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้
การศึกษาในปี 2025 ที่เผยแพร่ในวารสาร Communications Biology เผยให้เห็นถึงกลไกทางโมเลกุลที่น้ำตาลแมนโนสสามารถทำให้เซลล์มะเร็งกระเพาะปัสสาวะระเบิดได้เป็นครั้งแรก
ดร.จางเจียหมิง กล่าวเพิ่มเติมว่า เซลล์มะเร็งมีจุดอ่อนที่สำคัญคือมัน “ติดน้ำตาล” เซลล์ปกติสามารถใช้แหล่งพลังงานต่างๆ แต่เซลล์มะเร็งเกือบทั้งหมดต้องการน้ำตาลกลูโคส ซึ่งหมายความว่า “น้ำตาลคือชีวิตของเซลล์มะเร็ง” เนื่องจากน้ำตาลแมนโนสมีลักษณะที่คล้ายกับน้ำตาลกลูโคส เซลล์มะเร็งจะกลืนมันเข้าไปในร่างกาย โดยน้ำตาลแมนโนสจะมีการเผาผลาญที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในเซลล์มะเร็ง ซึ่งจะทำให้เกิดการขาดพลังงาน, ความผิดปกติในการเผาผลาญ, และเซลล์มะเร็งจะถูกทำลาย
ดร.จางเจียหมิง อธิบายว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ PKM2 เข้าไปในนิวเคลียสของเซลล์และเปิดใช้งานโปรแกรมการฆ่าตัวเองในเซลล์มะเร็งที่เรียกว่า “Pyroptosis” ซึ่งหมายความว่าเซลล์มะเร็งจะตายเองและปล่อยสัญญาณเพื่อดึงดูดเซลล์ภูมิคุ้มกันมาเพื่อต่อสู้กับมัน นอกจากนี้การศึกษายังยืนยันว่า น้ำตาลแมนโนส สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันที่มีอยู่แล้ว
การค้นพบนี้ไม่เพียงแค่เป็นการวิจัยที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ดร.จางเจียหมิง แนะนำให้คนทั่วไปทานอาหารที่อุดมไปด้วยน้ำตาลแมนโนส เช่น แครนเบอร์รี, พีช, แอปเปิ้ล, ส้ม, และถั่ว นอกจากนี้ยังมีน้ำตาลแมนโนสในรูปแบบอาหารเสริม ที่เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะหรือผู้ที่มีการรักษาหลังการผ่าตัดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
นอกจากนี้ยังแนะนำให้ลดการทานน้ำตาลที่ผ่านการแปรรูป และลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล โดยทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง, พืชพรรณหลายชนิด และโปรตีนสูงเพื่อเสริมสร้างการปกป้องร่างกาย.