ไรเดอร์น้ำตาตก ขี่ จยย.หาเงินรักษาลูกสาวป่วยมะเร็ง แต่กลับถูกคนร้ายหลอกชิงรถไป
ต่อมา ในวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา วันเกิดเหตุนายอัศวิน โต้รุ้ง ได้ส่งข้อความมาให้ตนเองอีกครั้ง โดยบอกว่าจะจ้างให้ตนเองมารับเพื่อพาไปส่งบ้าน โดยให้เดินทางไปรับเจ้าตัวในตัวเมืองเชียงราย อ้างว่า จะให้ค่าเสียเวลาจำนวน 3,000 บาท ด้วยความไว้ใจตนเองจึงตอบตกลงและรีบขี่รถมอเตอร์ไซต์ฝ่าพายุฝนเพื่อไปหา แต่ระหว่างทางตนเองเกิดรถล้มได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยบริเวณแขน และเมื่อไปถึงจึงได้บ่นให้กับนายอัศวินโต้รุ่งฟังว่าระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุรถล้มทำให้มาช้า ก่อนจะรับนายอัศวินโต้รุ่งเพื่อเดินทางพาไปส่งบ้านตามที่ตกลงกันไว้
แต่ระหว่างทางนายอัศวินโต้รุ่งได้ออกอุบายให้ว่า จะขอเป็นคนขี่รถมอเตอร์ไซต์เองเนื่องจากเป็นห่วงว่าตัวเองจะขับรถไม่ไหวเนื่องจากเจ็บแขน ตนเองจึงยอมสลับคนขับและนั่งซ้อนท้ายนายอัศวินโต้รุ่งแทน ต่อมาเมื่อใกล้จะถึงบ้าน นายอัศวินโต้รุ่งได้ทำทีจอดแวะร้านขายของชำข้างทาง โดยบอกให้ตนเองช่วยลงจากรถและไปซื้อบุหรี่ที่ร้านขายของชำให้หน่อย ด้วยความเชื่อใจตนเองจึงลงจากรถเพื่อไปซื้อบุหรี่ให้ ระหว่างนั้นนายอัศวินโต้รุ่งได้ใช้โอกาสที่เผลอรีบขับมอเตอร์ไซค์ของตนเองออกจากร้านไปทันที ตอนนั้นตัวเองตกใจมาก พยายามตะโกนเรียกก็ไม่หยุด และตอนนั้นตนเองไม่รู้เลยว่า นายอัศวินโต้รุ่งจะเอารถของตัวเองไปไหน
ต่อมาตนเองจึงได้ส่งข้อความไปถามนายอัศวินโต้รุ่งว่าเอารถตนเองหนีไปไหน นายอัศวินโต้รุ่งอ้าง จะขอแวะไปเอาพระที่บ้านแป๊บนึง เดี๋ยวกลับมารับที่ร้าน ให้รออยู่ที่นั่น ขอเวลา 5 นาที แต่หลังจากรออยู่นานกว่า 15 นาทีและพยายามติดต่อผ่านไลน์ ตนเองกลับได้รับคำบ่ายเบี่ยง ก่อนจะติดต่อไม่ได้อีกเลย จึงมั่นใจว่าถูกหลอกแน่นอน
นายนคร บอกอีกว่า ตอนนี้รู้สึกเสียใจมากและไม่รู้จะหาเงินเลี้ยงลูกสาวและครอบครัวต่อไปอย่างไร ลูกสาวของตนเองป่วยเป็นโรคมะเร็ง ตนเองจำเป็นที่จะต้องใช้เงินมากเพื่อรักษาชีวิตของลูกสาวไว้ แต่กลับถูกโจรในคราบลูกค้าหลอกเอารถมอเตอร์ไซต์ซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากินตนเองไป และจากการตรวจสอบประวัติของผู้ก่อเหตุพบว่าตนเองไม่ใช่เหยื่อรายแรกที่ถูกหลอกเอารถมอเตอร์ไซต์ไป แต่ยังมีชาวบ้านอีกหลายคนที่ถูกชายคนดังกล่าวหลอกในลักษณะเดียวกัน
นายนคร เล่าด้วยว่า ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 5 กันยายนปีที่แล้ว ตนเองก็ถูกหลอกอีกเช่นกัน โดยตอนนั้นถูกมิจฉาชีพ หลอกว่าจะส่งตนเองไปทำงานต่างประเทศจะได้มีรายได้ดี โดยตนเองต้องสูญเสียเงินไปกว่า 61,000 บาท แต่กลับไม่ได้ไปทำงานต่างประเทศอย่างที่คิดไว้ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งสองเหตุการณ์นี้ทำให้ตนเองท้อแท้กับชีวิตเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าจะซวยซ้ำซวยสอนขนาดนี้ ที่สงสารที่สุดคือลูกสาวของตนเองที่ยังเล็กแถมยังป่วยเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งตนเองก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปรักษาลูกสาว
ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของ นายนคร โดยพบว่า นายนครยังมีลูกที่ต้องเลี้ยงดูรวมทั้งหมด 3 คน คนโตอายุเพียง 6 ขวบ ส่วนอีก 2 คนยังอยู่ในวัยแบเบาะ อายุเพียง 2 ขวบ และ 3 ขวบ โดยลูกสาวคนเล็กป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ต้องได้รับการทำเคมีบำบัดทุกเดือน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางหมีหง่า อายุ 31 ปี ภรรยานายนคร เล่าทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวของเธอกำลังลำบากอย่างหนัก หลังจากปีที่แล้วสามีเคยถูกหลอกว่าจะได้ไปทำงานต่างประเทศ สูญเงินไปกว่า 60,000 บาทไปแล้ว จนต้องหันมายึดอาชีพขี่รถหารายได้เสริม แต่แล้วความหวังที่มีเพียงเล็กน้อยก็กลับพังทลาย เมื่อคนร้ายขโมยรถจักรยานยนต์ที่ใช้ทำงานไป ตอนนี้เงินในบ้านเหลือแค่ 500 บาท ไม่รู้จะมีพอค่ารถ ค่าข้าว หรือค่าผ้าอ้อมให้ลูกหรือเปล่า ที่สำคัญ ค่ารักษาลูกก็ยังไม่มีเลย อยากฝากถึงคนร้ายผ่านสื่อ หากเห็นข่าวนี้ อยากวิงวอนขอให้ช่วยนำรถกลับมาคืน เพราะครอบครัวไม่ได้มีอะไรเหลืออีกแล้ว พร้อมยืนยันว่า จะไม่ถือโทษโกรธเคืองใด ๆ ทั้งสิ้น