ในคลิประบุเวลา 08.12 น. มีนักศึกษาชาย อายุ 16 ปี ขี่ จยย. ทะเบียนลพบุรี มาระหว่างกึ่งกลางถนนสองเลน โดยขับขวาประกบคู่ จยย. ชาวบ้าน ได้เกิดล้มคว่ำไถลไปตามถนน ระหว่างนั้นมี ‘ร.ต.ท.ธีรพงษ์ ชูเกสร’ รอง สว.จร.สภ.เมือง ลพบุรี ตามเข้ามาดู จยย. คันเกิดเหตุ พร้อมประสานรถกู้ภัยฯ ให้มารับตัวนักศึกษาส่ง รพ. ซึ่งหลายคนที่เห็นคลิปเข้าใจว่า หมวดธีรพงษ์ เป็นผู้ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ต่างโพสต์ข้อความในทำนองเสียหาย บางรายใช้ถ้อยคำรุนแรงหยาบคาย
อย่างเช่นผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ตั้งคำถามว่า “สงสัยมานาน ทำไมตำรวจเมืองนี้ไม่ตั้งด่าน แต่ใช้วิธีขับประกบเรียกจับ มันถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ มันต่างจากด่านเถื่อนเคลื่อนที่ตรงไหน ตั้งด่านยังต้องมีป้ายบอก มีร้อยเวรรับผิดชอบ ทำแบบนี้ตำรวจทำเองโดยพลการ หรือผู้กำกับเห็นชอบด้วย เป็นการใช้อำนาจช่องว่างทางกฎหมายเอาเปรียบประชาชนหรือไม่ ทำไมมันพิเศษกว่าจังหวัดอื่น”
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามหาความจริง หลังจากนักศึกษาพร้อมผู้ปกครอง ได้เดินทางมายัง สภ.เมืองลพบุรี เพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กรณีอุบัติเหตุดังกล่าว ว่าตนเองไม่ติดใจในสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการกระทำของตนเอง แต่มาลงบันทึกประจำวันเพื่อใช้ในการเบิกค่ารักษาพยาบาลตามสิทธิ์ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งน้องนักศึกษาได้รับบาดเจ็บจากการครูดไปตามพื้นถนน แต่สามารถกลับเข้าไปเรียนได้ตามปกติ
ด้าน หมวดธีรพงษ์ ได้เปิดเผยว่า ช่วงเวลาดังกล่าว ตนมีหน้าที่ตรวจสอบการจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วน ขณะขี่ จย. มาตามถนนนารายณ์มหาราช ฝั่งขาออก จยย. คันที่เกิดเหตุได้ขี่แซงตนไป แล้วไปกลับรถในที่ห้ามกลับรถที่วงเวียนศรีสุริโยทัย (วงเวียนสระแก้ว) ตนขี่ตามไม่ทัน จึงได้จอด จยย. และเดินข้ามไปอีกฝั่ง เพื่อหยุด จยย. คันดังกล่าวที่ย้อนศรมา ซึ่งหากหยุดรถได้ก็จะแจ้งข้อหากลับรถในที่ห้ามกลับ, ไม่สวมหมวกนิรภัย และอุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบถ้วน
แต่ปรากฏว่า จยย. คันดังกล่าวไม่หยุด เบี่ยง จยย. หลบตน ทำให้รถเสียหลัก ได้รับาดเจ็บ หลังจากนั้นโซเชียลก็ด่ากระหน่ำว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งตนได้ชี้แจงกับผู้บังคับบัญชาแล้ว ทางผู้บังคับบัญชาได้ตำหนินักเลงคีย์บอร์ดบางรายที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงหยาบคาย ซึ่งจะพิจารณาเอาผิดเป็นรายบุคคล
ด้านชาวบ้านเมืองลพบุรี ที่เคยประสบพบเจอกับตัวเอง เกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเมืองลพบุรี ซึ่งมีอยู่ 2 สาขา คือ จราจรเมือง และจราจรกลาง โดยเฉพาะนักศึกษาที่ไม่ค่อยใส่ใจดูแลอุปกรณ์ส่วนควบของรถ หากถูกจับกุม แต่ละครั้งจะต้องเสียค่าปรับครั้งละไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท หากไม่มีค่าปรับก็ถูกยึดรถ เดือดร้อนไปถึงผู้ปกครอง
โดยทางชาวบ้านและผู้ปกครองตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรบางนาย ที่จ้องจับแต่กับนักเรียน-นักศึกษา จราจรบางนายดักซุ่มจับที่หน้าโรงเรียนทั้งขาเข้าและขาออก จนต้องขี่หนีเพราะกลัวถูกจับ กลัวถูกยึดรถ บางรายก็เกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ อยากขอความกรุณา ขอให้ว่ากล่าวตักเตือน หรือบันทึกคาดโทษไว้ ก่อนที่จะเขียนใบสั่ง
