วันที่ 14 มิ.ย. 2568 สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา อดีจนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรียกร้องให้นานาประเทศร่วมกันกดดันรัฐบาลไทย ให้หันมายุติข้อพิพาทพรมแดนกับกัมพูชาผ่านกระบวนการยุติธรรมของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่อาจลุกลามในอนาคต
ฮุน เซน ระบุว่า ปัญหาพรมแดนที่ยังค้างคาอยู่ระหว่างกัมพูชาและไทยมีอย่างน้อย 4 จุดสำคัญ ได้แก่ บริเวณสามเหลี่ยมมรกต ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างไทย ลาว และกัมพูชา รวมถึงบริเวณที่ตั้งของปราสาทโบราณคือ ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนธม และตาควาย
พร้อมกันนี้ได้เน้นย้ำว่า ข้อพิพาทเหล่านี้มีความยืดเยื้อเรื้อรังและกินพื้นที่ชายแดนรวมกันเกือบ 800 กิโลเมตร ซึ่งไม่สามารถหาข้อยุติได้จากกลไกทวิภาคี แม้แต่ในศตวรรษหน้า พร้อมเสนอว่าทางออกเดียวที่เป็นไปได้คือการนำขึ้นพิจารณาต่อศาลโลก
ฮุน เซน ยังเชื่อมโยงกรณีดังกล่าวกับจุดยืนของกัมพูชาในเวทีสหประชาชาติ เมื่อปี 2022 ที่เขาเคยประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซีย โดยแสดงความวิตกว่าการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศในลักษณะนี้อาจเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นกัน
โดยฮุน เซนบอกว่า เคยเชื่อว่าไทยอาจทำในสิ่งที่คล้ายกับช่วงปี 2008 – 2011 ซึ่งเป็นการกระทำที่ก้าวร้าวและไม่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมย้ำว่ากัมพูชาไม่ต้องการทำสงคราม แต่ประสงค์จะหาทางออกอย่างสันติผ่านกลไกทางกฎหมาย
นอกจากนี้ ยังยกตัวอย่างประเทศในอาเซียนที่เคยพึ่งศาลโลกในการยุติข้อพิพาทดินแดน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งหลังจากกระบวนการทางกฎหมาย ก็ยังสามารถรักษาความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นได้ต่อไป ซึ่งเขามองว่าการหันไปใช้ช่องทางทางกฎหมายไม่ใช่การก่อสงคราม หากแต่เป็นแนวทางแห่งสันติภาพและกฎหมาย ซึ่งจะป้องกันการนองเลือดในอนาคต และสร้างความชัดเจนให้แก่ประชาชน
ฮุน เซน ระบุว่า ท้ายที่สุดแล้วการเรียกร้องของกัมพูชามุ่งหวังให้นานาประเทศที่ยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ ช่วยกันกดดันไทยให้รับกระบวนการของศาลโลก เพื่อให้ปัญหาชายแดนเหล่านี้ได้ข้อยุติอย่างสันติ และส่งเสริมเสถียรภาพระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านต่อไป
ข้อมูล Phanom Penh Post